น้ำกับชีวิต

เครื่องปรับโมเลกุลน้ำ QB Resonator

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน ที่สามารถเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างโมเลกุลน้ำสะอาดธรรมดา ให้กลายเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษ คล้ายน้ำพุภูเขาธรรมชาติ
แต่ละคนดื่มนํ้าเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ ?
ถ้ามีนํ้าหนัก 50 กิโลกรัม ปริมาณที่ควรได้รับคือ 1,650 ซีซี หรือประมาณ 8 แก้ว
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการดื่มนํ้า
ไม่ควรดื่มนํ้าแบบรวดเร็ว เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการสำลักแล้ว การดูดซึมไปใช้จะทำได้น้อยกว่าการค่อยๆ ดื่ม
การดื่มน้ำอย่างถูกวิธี
ควรดื่มน้ำหลังจากตื่นนอน ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง ในแต่ละมื้อ และก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
น้ำสื่อสารกับเซลล์ในร่างกายได้
โมเลกุลของน้ำสามารถสื่อสารกับเซลล์ของร่างกายโดยการส่งและรับพลังงานกันได้

น้ำ

แต่ละคนดื่มนํ้าเท่าไหร่จึงจะเพียงพอ

ตามที่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดสูตรคำนวณปริมาณนํ้าดื่มให้เหมาะสมกับนํ้าหนักตัวของแต่ละคนต่อวันไว้ดังนี้

นํ้าหนักตัว (ก.ก.) หาร 2 คุณ 2.2 คูณ 30 = จำนวน ซีซี ของนํ้าที่ควรได้รับ (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 5 แก้ว) เช่น ถ้ามีนํ้าหนัก 50 กิโลกรัม ปริมาณที่ควรได้รับคือ 1,650 ซีซี หรือประมาณ 8 แก้ว

 

น้ำสื่อสารกับเซลล์ในร่างกายได้

ท่านทราบหรือไม่ว่า โมเลกุลของน้ำสามารถสื่อสารกับเซลล์ของร่างกายโดยการส่งและรับพลังงานกันได้ สิ่งที่เราพูด คิด และทำ เสียงดนตรี เสียงสวดมนต์ ภาวะแวดล้อม และตัวอักษร ต่างก็เป็นพลังงานคลื่น ซึ่งสามารถกระทบต่อโครงสร้างในระดับโมเลกุลของน้ำ โดย ดร.มาซารุ อิโมโตะ นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับน้ำและอานุภาพของน้ำที่มีต่อมนุษย์ ได้ทำการวิจัยศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลึกของน้ำ

และได้ค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณเกี่ยวกับน้ำ รวมถึงการค้นพบผลึกของน้ำที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ดร.มาซารุ อิโมโตะ ค้นพบว่า น้ำสามารถสร้างผลึกซึ่งสามารถมองเห็นเป็นรูปร่างที่แตกต่างกันไปผ่านความสั่นสะเทือนจากคลื่นต่างๆ ตามสิ่งแวดล้อม คำพูด และความคิดที่เปล่งออกมา ผลึกของน้ำที่มีรูปร่างสวยงาม เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ จะมีพลังแห่งการบำบัดซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้

การดื่มน้ำอย่างถูกวิธี

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการดื่มนํ้า

- ไม่ควรดื่มนํ้าแบบรวดเร็ว เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการสำลักแล้ว การดูดซึมไปใช้จะทำได้น้อยกว่าการค่อยๆ ดื่ม และยังทำให้ไตและระบบย่อยอาหารทำงานหนัก

- ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่าครึ่งแก้วก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที และภายหลังอย่างน้อยประมาณ 30 นาที เพราะจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก และต้องผลิตน้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่

- แม้ว่าการดื่มนํ้าเย็น จะทำให้รู้สึกสดชื่น แต่ก็ไม่ควรเป็นน้ำที่เย็นจัด หรือดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ เนื่องจากอุณหภูมิโดยปกติของร่างกายคนเรานั้นอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส ถ้าเราดื่มนํ้าเย็น นํ้าเย็นจะต้องไปดึงความร้อนของร่างกายมาปรับให้อุณหภูมิของนํ้าเท่ากับร่างกาย การดูดซึมจะทำงานได้ไม่ดี ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงานและเสียเวลาในการปรับสมดุลให้คืนสู่ปกติ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ การย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร และอาจเป็นสาเหตุของการปวดประจำเดือนได้